Skip to content

QA Automation Tester

เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีหน้าที่หลักในการพัฒนา, บำรุงรักษา, และดำเนินการทดสอบอัตโนมัติสำหรับซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชัน โดยใช้เครื่องมือและสคริปต์การทดสอบอัตโนมัติเพื่อหาข้อผิดพลาดและปัญหาต่างๆ QA Automation Tester มีบทบาทสำคัญในการทำให้กระบวนการทดสอบมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดเวลาที่ใช้ในการทดสอบด้วยมือ

หน้าที่ของ QA Automation Tester

  1. การทบทวนความต้องการและสเปก (Review Requirements and Specifications):

    • ศึกษาและทำความเข้าใจข้อกำหนดและสเปกของซอฟต์แวร์เพื่อกำหนดขอบเขตและแนวทางการทดสอบ
  2. การออกแบบและพัฒนาสคริปต์การทดสอบ (Test Script Design and Development):

    • เขียนและบำรุงรักษาสคริปต์การทดสอบอัตโนมัติเพื่อครอบคลุมทุกฟังก์ชันและคุณสมบัติของซอฟต์แวร์
    • ใช้เครื่องมือการทดสอบอัตโนมัติ เช่น Selenium, JUnit, TestNG, Appium เพื่อสร้างสคริปต์การทดสอบ
  3. การดำเนินการทดสอบ (Test Execution):

    • ดำเนินการทดสอบอัตโนมัติตามสคริปต์การทดสอบที่ออกแบบไว้
    • บันทึกผลการทดสอบและรายงานข้อผิดพลาดหรือปัญหาที่พบ
  4. การวิเคราะห์และรายงานข้อผิดพลาด (Bug Reporting and Analysis):

    • วิเคราะห์และบันทึกข้อผิดพลาด (bugs) ที่พบในระบบจัดการข้อผิดพลาด (bug tracking system)
    • ประสานงานกับทีมพัฒนาเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดและตรวจสอบผลการแก้ไข
  5. การบำรุงรักษาสคริปต์การทดสอบ (Test Script Maintenance):

    • บำรุงรักษาและอัปเดตสคริปต์การทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่าเข้ากันได้กับเวอร์ชันใหม่ของซอฟต์แวร์
    • ปรับปรุงสคริปต์การทดสอบให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากขึ้น
  6. การทดสอบการแก้ไข (Regression Testing):

    • ดำเนินการทดสอบการแก้ไข (regression testing) เพื่อให้แน่ใจว่าการแก้ไขข้อผิดพลาดไม่ส่งผลกระทบต่อส่วนอื่นๆ ของซอฟต์แวร์

ความสามารถที่ต้องมี

  1. ความรู้ทางเทคนิค (Technical Knowledge):

    • ความเข้าใจในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development Life Cycle - SDLC)
    • ทักษะการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาเช่น Java, Python, Ruby หรือภาษาอื่นๆ ที่ใช้ในการทดสอบอัตโนมัติ
  2. ทักษะการใช้เครื่องมือการทดสอบอัตโนมัติ (Automation Testing Tools Skills):

    • ความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือการทดสอบอัตโนมัติเช่น Selenium, JUnit, TestNG, Appium, Jenkins
    • ความรู้เกี่ยวกับเครื่องมือการจัดการข้อผิดพลาด เช่น JIRA, Bugzilla
  3. ทักษะการวิเคราะห์และการแก้ไขปัญหา (Analytical and Problem-Solving Skills):

    • ความสามารถในการวิเคราะห์และระบุปัญหาที่ซับซ้อน
    • ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์เพื่อหาสาเหตุของข้อผิดพลาดและเสนอแนวทางการแก้ไข
  4. ทักษะการสื่อสาร (Communication Skills):

    • ความสามารถในการสื่อสารกับทีมพัฒนาและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อรายงานปัญหาและผลการทดสอบ
    • ทักษะการเขียนรายงานและการจัดทำเอกสารการทดสอบ
  5. ความละเอียดรอบคอบ (Attention to Detail):

    • ความละเอียดรอบคอบในการทดสอบและการบันทึกข้อผิดพลาด
    • การตรวจสอบรายละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ทำงานตามความต้องการ

การเตรียมตัวและเส้นทางการเติบโต

  1. การศึกษา (Education):

    • ปริญญาตรีในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์, เทคโนโลยีสารสนเทศ, หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
    • การเข้าคอร์สหรือการฝึกอบรมด้านการทดสอบซอฟต์แวร์และการทดสอบอัตโนมัติ
  2. การฝึกงานและประสบการณ์การทำงาน (Internships and Work Experience):

    • หาประสบการณ์การทำงานหรือฝึกงานในสายงานที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบซอฟต์แวร์และการทดสอบอัตโนมัติ
    • สร้างโปรเจ็กต์ส่วนตัวหรือพอร์ตโฟลิโอเพื่อแสดงความสามารถและผลงานของตนเอง
  3. การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Continuous Learning):

    • ติดตามการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มในวงการการทดสอบซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีใหม่ๆ
    • เข้าร่วมชุมชนออนไลน์, ฟอรัม, และการประชุมหรือสัมมนาด้านการทดสอบซอฟต์แวร์

การพัฒนาทักษะเพิ่มเติม

  1. เรียนรู้เครื่องมือและเทคนิคใหม่ๆ (Learning New Tools and Techniques):

    • ศึกษาเครื่องมือและเทคนิคใหม่ๆ ที่ใช้ในการทดสอบอัตโนมัติ
    • เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การทดสอบบนคลาวด์, การทดสอบบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
  2. การพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมและการสคริปต์ (Programming and Scripting Skills):

    • ฝึกฝนทักษะการเขียนโปรแกรมเพื่อพัฒนาสคริปต์การทดสอบที่มีประสิทธิภาพ
    • เรียนรู้วิธีการอัตโนมัติในการทดสอบและการปรับปรุงกระบวนการทดสอบ
  3. การสร้างเครือข่ายในวงการการทดสอบซอฟต์แวร์ (Networking in the Software Testing Community):

    • การเข้าร่วมกลุ่มและชุมชนของผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบซอฟต์แวร์เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้

คำแนะนำเพิ่มเติม

  1. การเข้าร่วมกลุ่มและชุมชนการทดสอบซอฟต์แวร์ (Joining Software Testing Groups and Communities):

    • เข้าร่วมกลุ่มและชุมชนของผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบซอฟต์แวร์เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้
  2. การทำโปรเจ็กต์ส่วนตัว (Working on Personal Projects):

    • สร้างและพัฒนาโปรเจ็กต์ส่วนตัวเพื่อฝึกฝนทักษะและสร้างพอร์ตโฟลิโอ
  3. การติดตามแนวโน้มเทคโนโลยีและการพัฒนาการทดสอบซอฟต์แวร์ (Keeping Up with Technology and Software Testing Trends):

    • ติดตามและศึกษาแนวโน้มเทคโนโลยีและการพัฒนาการทดสอบซอฟต์แวร์ใหม่ๆ เพื่อให้ตนเองทันสมัยและสามารถปรับตัวได้รวดเร็ว
  4. การพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมและการสคริปต์ (Developing Programming and Scripting Skills):

    • ฝึกฝนทักษะการเขียนโปรแกรมและการสคริปต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทดสอบอัตโนมัติ
  5. การฝึกอบรมและการรับใบรับรอง (Training and Certification):

    • เข้าร่วมการฝึกอบรมและการรับใบรับรองเพิ่มเติม เช่น ISTQB Certified Tester, Certified Selenium Professional เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและความสามารถในการแข่งขันในตลาดงาน