Skip to content

Security Engineer

คือผู้เชี่ยวชาญที่มีหน้าที่ออกแบบ, พัฒนา, และบำรุงรักษาระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ขององค์กร เพื่อป้องกันการโจมตีและภัยคุกคามต่างๆ Security Engineer ทำงานร่วมกับทีม IT และทีมรักษาความปลอดภัยเพื่อสร้างมาตรการและโซลูชันที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตและการละเมิดความปลอดภัย

หน้าที่ของ Security Engineer

  1. การออกแบบและพัฒนาระบบความปลอดภัย (Design and Development):

    • ออกแบบและพัฒนาสถาปัตยกรรมความปลอดภัยสำหรับเครือข่าย, ระบบ, และแอปพลิเคชัน
    • สร้างมาตรการและโซลูชันความปลอดภัย เช่น Firewalls, IDS/IPS, การเข้ารหัสข้อมูล
  2. การบำรุงรักษาระบบความปลอดภัย (Maintenance):

    • ตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบความปลอดภัยเพื่อให้มั่นใจว่ามีการป้องกันที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
    • ดำเนินการอัปเดตแพตช์และปรับปรุงซอฟต์แวร์ความปลอดภัยตามความจำเป็น
  3. การตรวจสอบและวิเคราะห์ความเสี่ยง (Risk Assessment and Analysis):

    • วิเคราะห์ความเสี่ยงและจุดอ่อนของระบบและเครือข่าย
    • ประเมินความเสี่ยงและเสนอแนวทางในการลดความเสี่ยง
  4. การตรวจสอบและเฝ้าระวัง (Monitoring and Surveillance):

    • ตรวจสอบกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในเครือข่ายและระบบ
    • ใช้เครื่องมือการตรวจสอบเช่น SIEM (Security Information and Event Management) เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
  5. การตอบสนองต่อเหตุการณ์ (Incident Response):

    • ตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เช่น การโจมตีทางไซเบอร์และการรั่วไหลของข้อมูล
    • ทำงานร่วมกับทีมตอบสนองต่อเหตุการณ์เพื่อแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูระบบ
  6. การให้คำปรึกษาและการฝึกอบรม (Consulting and Training):

    • ให้คำปรึกษาแก่ทีมพัฒนาและผู้ใช้งานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติและมาตรการความปลอดภัย
    • ฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับนโยบายและวิธีการปฏิบัติเพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์

ความสามารถที่ต้องมี

  1. ความรู้ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security Knowledge):

    • ความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับหลักการและแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์
    • ความเข้าใจในเทคโนโลยีและเครื่องมือที่ใช้ในการป้องกันและตรวจสอบภัยคุกคาม
  2. ทักษะการเขียนโปรแกรมและการเขียนสคริปต์ (Programming and Scripting Skills):

    • มีความรู้และทักษะในการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาต่างๆ เช่น Python, Java, C++
    • ทักษะในการเขียนสคริปต์เพื่อใช้ในการทดสอบและตรวจสอบความปลอดภัย
  3. ความเข้าใจในระบบและเครือข่าย (System and Network Understanding):

    • ความรู้เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการต่างๆ เช่น Windows, Linux, Unix
    • ความเข้าใจในโปรโตคอลเครือข่าย, การกำหนดค่าเครือข่าย, และการทำงานของไฟร์วอลล์
  4. ทักษะการใช้เครื่องมือความปลอดภัย (Security Tools Proficiency):

    • ความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือความปลอดภัย เช่น Firewalls, IDS/IPS, SIEM
    • ทักษะในการใช้เครื่องมือการวิเคราะห์และตรวจสอบ เช่น Wireshark, Nessus, Metasploit
  5. ทักษะการวิเคราะห์และการแก้ปัญหา (Analytical and Problem-Solving Skills):

    • ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและค้นหาจุดอ่อนในระบบ
    • ทักษะในการแก้ไขปัญหาและเสนอแนะแนวทางในการปรับปรุงระบบความปลอดภัย
  6. ทักษะการสื่อสาร (Communication Skills):

    • ความสามารถในการสื่อสารผลการวิเคราะห์และข้อเสนอแนะให้กับทีมและผู้บริหาร
    • ทักษะในการเขียนรายงานและการนำเสนอข้อมูล

การเตรียมตัวและเส้นทางการเติบโต

  1. การศึกษา (Education):

    • ปริญญาตรีในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์, วิศวกรรมคอมพิวเตอร์, ระบบสารสนเทศ, หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
    • การเรียนรู้ด้วยตัวเองหรือการเข้าคอร์สออนไลน์ที่เน้นความปลอดภัยทางไซเบอร์
  2. การฝึกงานและประสบการณ์การทำงาน (Internships and Work Experience):

    • หาประสบการณ์การทำงานหรือฝึกงานในสายงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางไซเบอร์
    • สร้างโปรเจ็กต์ส่วนตัวหรือพอร์ตโฟลิโอเพื่อแสดงความสามารถและผลงานของตนเอง
  3. การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Continuous Learning):

    • ติดตามการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มในวงการความปลอดภัยทางไซเบอร์
    • เข้าร่วมชุมชนออนไลน์, ฟอรัม, และการประชุมหรือสัมมนาด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์

การพัฒนาทักษะเพิ่มเติม

  1. เรียนรู้เครื่องมือและเทคนิคใหม่ๆ (Learning New Tools and Techniques):

    • ศึกษาเครื่องมือและเทคนิคใหม่ๆ ที่ใช้ในการป้องกันและตรวจสอบภัยคุกคาม
    • เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การประมวลผลแบบคลาวด์, Internet of Things (IoT), และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในด้านความปลอดภัย
  2. การพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมและการวิเคราะห์ (Programming and Analytical Skills):

    • การฝึกฝนทักษะการเขียนโปรแกรมและการเขียนสคริปต์เพื่อใช้ในการทดสอบและตรวจสอบความปลอดภัย
    • เรียนรู้วิธีการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงและจุดอ่อนในระบบ
  3. การสร้างเครือข่ายในวงการความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Networking in the Cyber Security Community):

    • การเข้าร่วมกลุ่มและชุมชนของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้

คำแนะนำเพิ่มเติม

  1. การเข้าร่วมกลุ่มและชุมชนความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Joining Cyber Security Groups and Communities):

    • เข้าร่วมกลุ่มและชุมชนของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้
  2. การทำโปรเจ็กต์ส่วนตัว (Working on Personal Projects):

    • สร้างและพัฒนาโปรเจ็กต์ส่วนตัวเพื่อฝึกฝนทักษะและสร้างพอร์ตโฟลิโอ
  3. การติดตามแนวโน้มเทคโนโลยีและภัยคุกคาม (Keeping Up with Technology and Threat Trends):

    • ติดตามและศึกษาแนวโน้มเทคโนโลยีและภัยคุกคามใหม่ๆ เพื่อให้ตนเองทันสมัยและสามารถปรับตัวได้รวดเร็ว
  4. การพัฒนาทักษะการสื่อสารและการนำเสนอ (Developing Communication and Presentation Skills):

    • พัฒนาทักษะการสื่อสารและการนำเสนอเพื่อให้สามารถอธิบายผลการทดสอบและข้อเสนอแนะได้อย่างชัดเจน
  5. การฝึกอบรมและการรับใบรับรอง (Training and Certification):

    • เข้าร่วมการฝึกอบรมและการรับใบรับรองเพิ่มเติม เช่น Certified Information Systems Security Professional (CISSP), Certified Ethical Hacker (CEH), Certified Information Security Manager (CISM) เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและความสามารถในการแข่งขันในตลาดงาน